วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ศิลปะสมัยใหม่(Modern Art)


โดยทั่วไปคำว่า โมเดิร์น (Modernคือคำวิเศษณ์ตรงกับคำว่า “สมัยใหม่” ในภาษาไทย) หมายถึง ความใหม่ ความร่วมยุคร่วมสมัยศิลปะล้วนแล้วแต่ “ใหม่ (modern)”สำหรับผู้สร้างมัน ถึงแม้ว่าจะเป็นยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยา (Renaissance,เรอเนอซองส์)ในฟลอเรนซ์ หรือในคริสต์ศตวรรษที่ 20ในนิวยอร์ค หรือศิลปะที่เขียนขึ้นในวันนี้ ในรูปแบบของศิลปะคริสต์ศตวรรษที่ 15ก็ยัง “ใหม่ (modern)”ในความหมายนี้
ลักษณะสำคัญของ “ศิลปะสมัยใหม่” (Modern Art) และ “ลัทธิสมัยใหม่” (Modernism, โมเดิร์นนิสม์) คือทัศนคติใหม่ๆที่มีต่ออดีตและอนาคต ซึ่งเป็นไปแบบสุดขั้วโดยเริ่มต้นมาตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 ที่ถือกันว่าเป็นยุคปฏิวัติของยุโรปศิลปินเริ่มที่จะให้การยอมรับการเขียนภาพ “เหตุการณ์ปัจจุบัน-ร่วมสมัย”ในยุคของตนว่าสามารถมีคุณค่าทางศิลปะได้เท่าเทียมกับภาพเขียนเรื่องราวในอดีตตั้งแต่ยุคโบราณหรือยุคประวัติศาสตร์จากคัมภีร์ไบเบิล
ในจุดเริ่มต้นของศิลปินสมัยใหม่พวกอิมเพรสชันนิสต์ และโพสต์-อิมเพรสชันนิสต์ (Post-Impressionist,Post-Impressionism)จะทำการปฏิเสธทั้งการเขียนภาพเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และยังไม่สนใจขนบของการสร้างภาพลวงตา(เขียนให้เหมือนจริงมาก)ซึ่งพัฒนามาตั้งแต่ยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยา
  ศิลปะสมัยใหม่มักจะมีแนวเนื้อหาเกี่ยวกับ การเฉลิมฉลองเทคโนโลยีการค้นหาจิตวิญญาณ และ การกระตุ้นด้วยความป่าเถื่อน (จากความสนใจในศิลปะของคนป่า(Primitivism)ศิลปินได้แสดงออกแนวเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบที่แตกต่างหลากหลาย




อ้างอิง

http://51010611019.blogspot.com/2010/09/modern-art.html

Post modern



โพสต์ โมเดิร์นPost modern ก็คือการตั้งคำถามกับโมเดิร์น การที่มีคนใช้คำว่า โพสต์โมเดิร์นคุณประโยชน์ที่สำคัญก็คือ มันทำให้เราสามารถหวนกลับไปมองสังคมโมเดิร์นหรือพฤติกรรมที่ผ่านมาของมนุษย์ หรือความคิดความเชื่อของเราอย่างเป็นอิสระมากขึ้น เพราะถ้าเราไม่บอกว่า "โพสต์"โมเดิร์น เราก็จะยังจะอยู่ในกรอบของโมเดิร์น หรือยังให้มันครอบเราอยู่ ให้เรารู้สึกว่ายังจะต้องก้าวไปข้างหน้า ไปสู่ความเจริญ ยึดถือลัทธิความก้าวหน้า ซึ่งเป็นมิติที่ควบคู่กับ civilizing missionของตะวันตก การบอกว่าโลกเป็น โพสต์ โมเดิร์น หรือเป็นโลกหลังสมัยใหม่ ในเชิงการเมืองนอกจากจะทำให้มนุษย์สามารถมองโลกสมัยใหม่อย่างอิสระ เพื่อวิพากษ์วิจารณ์มันได้ชัดเจนมากขึ้นมองมันถนัดขึ้น ในทางความรู้ก็ทำให้หลุดพ้นจากกรอบ สมมติฐานแบบโมเดิร์น อย่างเช่น ปรัชญาความเป็นสากล ปรัชญาความก้าวหน้า หรือปรัชญาประเภทที่ต้องมีแก่นแท้ มั่นคง ถาวร เป็นอมตะ ซึ่งเอามาจากคริสต์ศาสนา เรื่องวิญญาณ เรื่องพระเจ้า หรือจากกรีกที่เรียกว่าภาวะอุดมคติ เป็นต้น เพราะฉะนั้นตัวปรัชญาโพสต์ โมเดิร์น จึงเป็นตัวปรัชญาที่แย้งกับความเป็นสากล หรือความเป็นแก่นแท้ที่ขัดแย้งไม่ได้ ล้มล้างไม่ได้ ถกเถียงไม่ได้ 
ความคิดโพสต์โมเดิร์นเป็นทั้งการวิพากษ์และการตั้งคำถามที่มีต่อโลกแบบโมเดิร์นของตะวันตก ซึ่งมองว่าการสร้างสังคมสมัยใหม่ของโลกตะวันตกที่ได้กำเนินมานั้นไม่ได้พัฒนาความสุข การหลุดพ้น หรือชีวิตที่เป็นเหตุเป็นผล อย่างที่กล่าวอ้างกัน เป็นเพียงการสร้างวาทกรรมผ่านภาษา เพียงเพื่อครอบงำสังคมอื่นเพื่อชิงความได้เปรียบในหลายปัจจัย

อ้างอิง
http://www.9dern.com/rsa/view.php?id=920



เทพอานูบิส(Anubis)



     เทพอานูบิส (Anubis)มีลักษณะลำตัวเป็นคนแต่ส่วนหัวจนถึงคอเป็นลักษณะศีรษะของหมาในสีดำในมือถือคทาบางครั้งเทพองค์นี้ก็เรียกกันว่า Anpu (อันปุ) มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในวิถีชีวิตของชาวอียิปต์ เพราะอานูบิสเป็นเทพแห่งความตายและเป็นเทพของการทำมัมมี่
   พิธีกรรมการนับถือเทพอานูบิสนี้มีมานานมากแล้วและบางครั้งก็มีการสร้างรูปปั้นหมาในสีดำหรือสีทอง เป็นตัวแทนของเทพองค์นี้ ลักษณะของเทพอานูบิสที่มีใบหน้าเป็นหมาในนั้นสันนิษฐานได้ว่า เป็นเพราะสัตว์ชนิดนี้มักจะออกหากินในตอนกลางคืนและพบมากในบริเวณสุสานนั่นเอง

  หน้าที่ของเทพองค์นี้คือ การนำดวงวิญญาณของคนตายสู่ยมโลก เพื่อทำการตัดสินผลกรรมที่ได้ทำมาก่อนตายต่อหน้าองค์เทพโอซิริส (Osiris) โดยเทพอานูบิสจะนำหัวใจของผู้ตายไปวางไว้บนตาชั่งข้างหนึ่งส่วนอีกข้างหนึ่งของตาชั่งจะเป็นขนนกที่ได้รับมาจากเทพ (มูอาท)Muatหากหัวใจของผู้ตายเบากว่าขนนกแสดงว่าในขณะที่คนผู้นั้นมีชีวิตอยู่ได้กระทำการ อันเป็นกุศลจึงสมควรได้รับพรจากเทพโอชิริส ให้มีชีวิตอันเป็นนิรันดร์


  ส่วนคนที่ไม่ผ่านการทดสอบนั่นก็คือหัวใจมีน้ำหนักมากกว่าขนนก สัตว์อสูรที่ชื่อAmmut(อัมมุท)ที่นอนรออยู่ ใต้ตาชั่งก็จะกินหัวใจของดวงวิญญาณดวงนั้นทันทีแล้วดวงวิญญาณนั้นก็จะสูญสลายตลอดไป ก็ถือว่าเป็นการตายครั้งที่สองและเป็นการตายสนิทถาวรไปเลย 
อ้างอิง




เกาะมิโคโนส เวนิส แห่งกรีซ



วันนี้ขอแนะนำ สถานที่ท่องเที่ยวสำหรับคู่รักได้แก่ เกาะมิโคโนส ประเทศกรีซสำหรับกรีซเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ถือได้ว่าเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปยุโรปตอนใต้สุดของคาบสมุทรบอลข่านโดยมี เอเธนส์(Athens)เป็นเมืองหลวงของประเทศสถานที่สวยๆ บรรยากาศดีๆแบบนี้เหมาะสำหรับคู่รักที่ต้องการไปฮันนีมูนหลังแต่งงานหรือใช้สำหรับเที่ยวพักผ่อนในวันครบรอบแต่งงานก็สุดแสนจะโรแมนติกไม่ใช่น้อย



เกาะมิโคโนส คือหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศกรีซ และยังเป็นหนึ่งในหมู่เกาะไซคลาติส (CycladesIsland) ในเขตทะเลอีเจียน (AegeanSea)ซึ่งในทุกๆ ช่วงระหว่างในเดือนกรกฎาคม -สิงหาคม เกาะแห่งนี้จะเนืองแน่นไปด้วยเหล่านักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากทั่วสารทิศ แต่ถ้ามาเยือนในช่วงต้นฤดูท่องเที่ยว คือ ช่วงระหว่างกลางเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนค่าที่พักจะค่อนข้างถูกและอากาศไม่ค่อยร้อนมาก สำหรับการท่องเที่ยวบนเกาะมิโคโนสนั้ จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวแรกที่ควรไปเยือนคือ มิโคโนส ทาวน์ (Mykonos Town)หรืออีกชื่อหนึ่งว่าโชรา(Chora)หรือ โฮรา (Hora)เมืองหลวงของเกาะมิโคนอส โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่บริเวณหน้าอ่าวใกล้กับท่าเรือ เป็นจุดรับ-ส่งนักท่องเที่ยวไปตามจุดต่างๆ มีเรือประมงมากมายจอดเทียบท่าอย่างสวยงาม

อ้างอิง

http://www.weddinginlove.com/articles/romantic/article-1367.htm




7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก






ชิเชน อิตสา Chichen Itza
สถานที่ตั้ง 
ประเทศเม็กซิโก

ชิเชน อิตสาเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิหารจำนวนมากมายซึ่งพวกมายาได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ของเทพเจ้าผู้ทรงกระหายพระโลหิต ตัววิหารก่อสร้างซ้อนกันเป็นชั้นๆ บนเนื้อที่ราว 6.4ตารางกิโลเมตร วิหารที่ใหญ่สุดมีชื่อว่า มหาวิหารแห่งนักรบ สร้างคริสต์ศตวรรษที่ 12 สร้างทีหลัง วิหารเก่าแห่งชัคมูลตรงกลางสร้างเป็นปราสาทเหลี่ยมทึบสูงขึ้นไปใช้เป็นที่ทำพิธีสังเวยเทพเจ้าโดยใช้เด็กสาวโยนลงไปถวายเทพเจ้า ณ ที่นั้น ลักษณะโดยทั่วไปของชิเชนอิตสา ทำเป็นรูปเหลี่ยมลดขั้นเป็นชั้น ๆ มีบันไดกลาง รอบ ๆทำเป็นบริเวณตลาดทำนองเดียวกับสถานสถิตยุติธรรมของพวกโรมัน ซึ้งอยู่กลางเมืองที่สาธารณะ เป็นที่รวมของฝูงประชาชนบางทีอาจกล่าวได้ว่าพวกมายาจะเป็นต้นตำรับของพวกบูชาความสงบที่ต้องการศาสนารุนแรงนองเลือดหลังจากที่เคยพ่ายแพ้พวกชนเผ่าโตลเต็ค ซึ่งอยู่ตอนกลางของเม็กซิโกในท้ายที่สุด พวกมายาก็ตกอยู่ใต้อำนาจของผู้ที่นิยมความรุนแรงที่เหนือกว่า ในเมื่อผู้ชนะที่กระหายเลือด โลภที่ จะได้ทอง และทรัพย์สมบัติของพวกมายาอย่างเต็มที่


รูปปั้นของพระเยซู เมือง ริโอ เดอ จาเนโร
Statue Cristo Redentor
สถานที่ตั้ง 
เมือง Rio de Janeiro ประเทศบราซิล

รูปปั้นของพระเยซูที่โปรดให้พ้นบาป ยืนสูง 30เมตร (98ฟุต)และกำลังมองข้ามเมือง Rio de Janeiro หนึ่งในรูปปั้นสูงที่สุดในโลก รูปปั้นแสดง พระเยซูเยืนยื่นแขนออกมาต้อนรับและเป็นหนึ่งของสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงมากของเมืองนี้พัฒนาดดยวิศวกร Heitor da Silva Costa และองค์กร สร้างขึ้นในปี 1921ดครงการทำเกือบ 5ปีจึงเสร็จสิ้น รูปปั้นอยู่บนภูเขา Corcovado(ภูเขา Hunchback)และตั้งในอุทยานแห่งชาติ Tijucaเป็นสถานที่ปิคนิกที่รื่นเริงนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปฐานของรูปปั้น ซึ่งสูง 709 m (2326ฟุต) สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของภูเขา Sugar Loaf กลางเมือง Rio de Janeiroและชายหาดของ Rio de Janeiroนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถไฟไปบนยอดของภูเขาเพื่อมองรูปปั้นอย่างใกล้ชิดและสร้างวิวที่สวยงามมากมาย


สนามกีฬากรุงโรม Colosseum of Rome
สถานที่ตั้ง 
กรุงโรม ประเทศอิตาลี 

สนามกีฬากลางแจ้งแห่งนี้เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงของโลกอย่างหนึ่งเป็นอนุสรณ์ที่ ใหญ่โตของอาณาจักร โรมันสมัยโบราณสร้างขึ้นในระหว่าง สิ พ.ศ. 615 ถึง 623 (ค.ศ. ที่ 72 ถึง 80)ตัวสนามสร้างมีรูปเป็นตึกวงกลมก่อด้วยอิฐและหินขนาดใหญ่ วัดโดยรอบยาว 527 เมตร สูง 57 เมตร มี 4 ชั้น ภายในมีอัฒจรรย์สำหรับคนนั่งดู จุคนดูประมาณ 80,000คน ใต้อัฒจรรย์ และใต้ดินมีห้องสำหรับขังนักโทษที่รอการประหารชีวิตและสิงโต หลายร้อยห้องใช้เป็นสถานที่ให้นักโทษ ต่อสู้กับสิงโตที่อดอาหาร หากนักโทษผู้ใดเอาชนะฆ่าสิงโตได้ด้วยมือเปล่าได้ก็รอดชีวิตไป หรือไว้ใช้เป็นที่ประลองฝีมือในเชิงฟันดาบของบรรดาเหล่าทาสให้ต่อสู้กันเองยิ่งถ้าต่อสู้กัน จนถึงสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ตาย ก็จะได้รับเกียรติอย่างสูงเพราะเป็นการต่อสู้ที่ชาวโรมันนิยมและยกย่องกันมาก หนึ่งต้องสูญเสียชีวิตนักโทษและทาสไม่ต่ำกว่าร้อยคน สนามกีฬาแห่งนี้จึงเป็นสิ่งก่อสร้างที่แสดงถึงความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรโรมันโบราณแต่เมื่ออาณาจักรโรมันเสื่อมลงก็ถูกข้าศึกทำลายหลายครั้งหลายหนในปัจจุบันยังเหลือแต่ซาโครงสร้างอันใหญ่โตมโหฬารไว้ให้ชม


กำแพงเมืองจีน Great Wall of China
สถานที่ตั้ง 
ประเทศจีน

กำแพงเมืองจีน หรือกำแพงอิฐยักษ์เป็นกำแพงกั้นเมืองและกั้นประเทศทั้งประเทศ ตามพรมแดนด้านเหนือของจีนเป็นกำแพงที่ยาวใหญ่มหึมาหาที่ใดในโลกมาเปรียบ ไม่ได้อีกแล้ว มีขนาดกว้างตั้งแต่ 4.5 เมตร ถึง 7.5 เมตร(10 ฟุต)ซึ่งทหารม้าเข้าแถวเรียง 8 ได้อย่างสบายๆ มีความสูง จากพื้นด้านล่างตั้งแต่ 8 เมตร ถึง 9 เมตร(20-30 ฟุต หนา15-25 ฟุต) สูงพอที่จะไม่สามารถ ปีนข้ามไปได้ง่าย ๆ เดิมเชื่อว่ามีความยาว 2,550 ไมล์ ( 2,400 กิโลเมตร)บนกำแพงทุก ๆ ระยะ 200 เมตร(300 ฟุต) จะมีหอหรือป้อมสำหรับตรวจเหตุการณ์ มีป้อมมากกว่า 15,000 แห่ง สร้างสูงขึ้นไปอีก 3 เมตร ถึง 6 เมตร และมีระฆังแขวนเพื่อตีบอกสัญญาณเกิดเหตุไว้ประจำทุกหอ รวมทั้งหมดมีไม่ต่ำกว่า 20,000 หอ เริ่มสร้างระหว่างปี พ.ศ. 300-329 (243-252ปีก่อนคริสตกาล) ในสมัยพระเจ้าซี่วังตี่ ใช้เวลาสร้างประมาณ 10 ปี และมีการสร้างต่อเติมอีกหลายกครั้งใช้แรงงานเกณฑ์จากราษฎรทั้งประเทศ นับจำนวนล้าน มีผู้เสียชีวิตนับพันนับหมื่น เป็นสิ่งก่อสร้างชนิดเดียวในโลกที่สามารถมองเห็นเมื่อมองจากดวงจันทร์ ในสมัยนั้นเป็นสิ่งก่อสร้างที่ป้องกันข้าศึกได้อย่างดีเยี่ยม ปัจจุบันไม่มีความหมายในด้านป้องกันประเทศอีกแล้วคงมีค่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่มหัศจรรย์อย่างหนึ่งของโลก


อาณาจักรอินคา Inca city , Machu Picchu
สถานที่ตั้ง 
เมืองบคุสโซ ประเทศเปรู

ใกล้ๆ เมืองคุสโซ ภูมิประเทศแสนกันดารยากจะเข้าถึงเป็นยอดสูงมีบริเวณรอบ ๆ รวมแล้วความสูงของหน้าผาประมาณ 304.8เมตร (1,000 ฟุต) ฮิแรม บิงแฮม นักสำรวจชาวอเมริกัน ไปพบมาจุ ปิคชุ ในปี ค.ศ. 1911 บริเวณนั้นเป็นป่าใหญ่คลุมพื้นที่อยู่ นอกจากสิ่งก่อสร้าง ปรักหักพังบางส่วนที่โผล่อยู่ให้เห็นสิ่งก่อสร้างดังกล่าวบ่งบอกให้เห็นความสามารถยอดเยี่ยมเชิงสถาปัตยกรรมของชาวอินคาในอดีตที่ปรากฎก็มีโบสถ์วิหารอ่างหินสำหรับเก็บน้ำบันไดหินเป็นพัน ๆ ขั้น เพือเป็นทางทอดระเบียงลงไปในที่ต่าง ๆ แห่งนครผู้เขานี้
เรื่องราวการพิชิตอาณาจักรอินคาเริ่มจากปี ค.ศ.1532เกิดการต่อสู้วิวาทของชาวพื้นเมือง เปิดโอกาสให้ฟรานโก ปิซาโร นักผจญภัยชาวสเปน จับหัวหน้าเผ่าอินคาชื่อ อตา ฮวลปาไว้บังคับให้บอกที่ซ่อนทองพอรู้เรื่องก็ปล้นยึดเอาไปจากอาณาจักรอินคาแต่เป็นชัยชนะระยะสั้นได้เกิดการสู้รบระหว่างนักผจญภัยชาวสเปนคนอื่น ๆ และปิซาโร ลงท้ายด้วยปิราโซกับพวกจำนวนมากได้ถูกสังหารพวกชาวพื้นเมืองพยายามตีโต้ขับไล่พวกสเปนจากภูเขาที่มั่นคงแข็งแกร่งแห่งมาจุ ปิคชุ หลังจากพวกอินคาได้ลุกฮือขึ้นต่อสู้ได้มีการตั้งผู้ปกครองคือ มานโค คาแปค ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก สมัยมานโคที่ 2ชาวพื้นเมืองได้รวมตัวกันก่อสงครามเบ็ดเสร็จขับไล่พวกสาเปนจากภูเขาอันเป็นที่มั่นรบกันไม่นาน ฝ่ายสเปนกลับได้เปรียบ พวกชาวพื้นเมืองเผ่าอินคาถูกสังหารล้มตายลงราวกลับใบไม้ร่วง จนในที่สุดแม้ตัวมานโคผู้เป็นหัวหน้าก็ตายในที่รบ


ทัชมาฮัล Taj Mahal
สถานที่ตั้ง เมืองอักรา ประเทศอินเดีย

ทัชมาฮัลเป็นอนุสาวรีย์แห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ของโลกเพราะที่นี่เป็นสุสานฝังศพของมุมทัชมาฮัลราชินีผู้ป็นที่รักยิ่งของ พระเจ้าชาห์เยฮัน อยู่ในเมืองอัคระบนฝั่งแม่น้ำยมนา ประเทศอินเดีย มุมทัชมาฮาล เป็นมเหสีที่พระเจ้าชาห์เยฮันรักมากที่สุดพระนางสิ้นพระชนม์เพราะคลอดโอรสองค์ที่ 15ซึ่งทำให้พระเจ้าชาห์เยฮันเศร้าโศกมาก พระองค์จึงสร้างที่ฝังศพที่หญ่โตที่สุดในโลกขึ้นที่ริมแม่น้ำยมนา สร้างระหว่างปี พ.ศ. 2173-2191(ค.ศ. 1630-1648) เสียเวลาสร้างอยู่ 23 ปี ทกส่วนสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวนวลบริสุทธิ์ ตามแบบสถาปัตยกรรมเปอร์เซียโดยสถาปนิก อุสตาด ไอสา (Ustad lsa)มีผู้ร่วมสร้างเป็น ผู้ออกแบบ ช่างเขียนลวดลาย ช่างอิฐ ช่างปูนช่างประดับลวดลายด้วยกระเบื้อง ช่างแกะสลัก ช่างตกแต่งภายใน รวม 20,000 คน วัตถุในการก่อสร้าง คือ หินอ่อนสีขาวจากเมืองมะครานาหินอ่อนสีแดงจากเมืองฟาตีบุระ หินอ่อนสีเหลือง จากฝั่งแม่น้ำนรภัทฑ์ เพชรตาแมวจากกรุงแบกแดดปะการัง และ หอยมุกจากมหาสมุทรอินเดีย หินเจียรไนสีฟ้าจากเกาะลังขะเพชรจากเมืองบนทลขัณฑ์ สิ้นเงินค่าก่อสร้าง 50,000,000เหรียญอเมริกันหรือ ประมาณ 1,000,000,000 บาท



เปตรา Petra 
สถานที่ตั้ง 
ประเทศจอร์แดน 

นครเปตราในจอร์แดนเป็นเมืองที่เจาะสลักเข้าไปในหินเกือบทั้งหมดรอบบริเวณ ไม่ว่าจะเป็น วิหาร หลุมศพ บันได โรงละคร ซึ่งขุดสลักมาแต่ยอดเขาลงมาเป็นหลืบลดหลั่นเป็นช่อชั้นงดงามแสดงถึงฝีมือ ศิลปะในการสลักหินได้อย่างยอดเยี่ยม สีของหินก็กลมกลืนกันดี ตัวตึกสี เลือดนกสีกุหลาบและสีม่วงเป็นลำดับ ถือกันว่าเป็นศูนย์กลางของอารยธรรมเบื้องต้นของเขตตะวันออกกลางที่เรียกว่านาบาทีนส์ คนแถบนี้เป็นพวกเร่รอน อาชีพเลี้ยงแกะอยู่ไม่เป็นที่ เป็นพวกชอบทำธุรกิจค้าขายเครื่องเทศจากตะวันออกไปยังเขตเมดิเตอร์เรเนียน จากนั้นก็ขนส่งลงเรือไปสู่ยุโรป ในช่วงเวลาที่มีการค้าขายอย่างกว้างขวางกับอาณาจักรต่าง ๆ สืบมาจนถึงปัจจุบันได้ใช้เส้นทางในเขตซีเรียสู่ซาอุดีอารเบียโดยอาศัยกองคาราวานขนส่ง ได้สร้างความร่ำรวยและอำนาจราชศักดิ์ จนได้กลายมาเป็นนครเปตราขึ้นจากพวกอีโดไมท์ ซึ่งถือเป็นเมืองหลวงในราว 300 ปี ก่อนคริสต์กาล